วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

14 วิธีการเลี้ยงแมว

1. หมั่นแปรงขนเป็นประจำ
         ทำให้แมวดูสง่าหรูหรา  เราจึงควรดูแลขนของมันให้ดูนุ่มสลวยอยู่เสมอ ด้วยการใช้หวีแปรงขนให้แมวของคุณ อย่างน้อยวันละ 15 นาที นอกจากนี้ ควรเน้นในจุดที่น้องแมวของคุณไม่สามารถเอื้อมไปเลียขนไม่ถึง เป็นพิเศษด้วย เช่น ที่คอ ขา และหาง

2. อย่าปล่อยให้แมวอ้วนจนเกินไป
         แม้ว่าแมวอ้วนกลมจะดูน่ารักน่าเอ็นดูก็เถอะ แต่เราก็ไม่ควรปล่อยให้อ้วนจนเกินไป เพราะมันจะไม่ดีกับสุขภาพร่างกายของเจ้าเหมียวแน่ ๆ แต่ถ้าหากเผลอตามใจจน “เสียแมว” ไปแล้วล่ะก็ ยังไม่สายที่คุณจะจับเขามาเข้าคอร์สไดเอทด้วยการเลือกอาหารลดน้ำหนักสำหรับแมวโดยเฉพาะ หรือปรับลดเนื้อสัตว์ เพิ่มผักทีละน้อย และเพิ่มขึ้นในทุก ๆ มื้อจนกว่าเจ้าเหมียวจะคุ้นชิน  ดังนั้น จงอย่าใจอ่อนเลยเชียวล่ะ อย่างไรก็ตาม แมวแต่ละตัวอาจมีสภาพร่างกายที่ต่างกัน เพราะฉะนั้น ควรปรึกษาสัตวแพทย์อย่างใกล้ชิดด้วย

3. อาบน้ำบ่อย ๆ
         การที่แมวของเรามีเนื้อตัวสกปรก นอกจากจะไม่ดีต่อสุขภาพของมันแล้ว ยังกลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคในบ้านอีกด้วย เราจึงควรรักษาความสะอาดของมันอยู่เสมอ ด้วยการอาบน้ำให้แมวอย่างน้อยเดือนละครั้ง

4. ดูแลรอบดวงตาของมันด้วย
        การดูแลรอบตาเป็นเรื่องที่สำคัญ และละเลยเสียไม่ได้ ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลรอบตาแมวโดยเฉพาะมาเช็ดตามรอบตาของมัน อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกหาซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาใช้ ก็สามารถนำกระดาษทิชชู่ชุบน้ำอุ่นมาเช็ดตามรอบตาของเจ้าเหมียวของคุณได้เช่นกัน

 5. ไม่ควรปล่อยแมวออกไปข้างนอกบ่อยนัก
         แม้แมวส่วนใหญ่จะชอบออกไปผญภัยนอกบ้าน แต่แมวบางตัวนั้นกลับต่างออกไป เพราะขนยาว ๆ ของมันจะทำให้มันรู้สึกอบอ้าวขึ้นมาอีก ถ้าต้องเจอกับสภาพอากาศร้อน ๆ ภายนอก และมันก็ไม่ใช่แมวที่ขยันสำรวจหาสิ่งใหม่ ๆ นัก ยิ่งไปกว่านั้น ขนของมันยังไปเกี่ยวพันกับสิ่งสกปรกได้ง่ายกว่าแมวทั่ว ๆ ไปอีกด้วย มันจึงเหมาะกับการเลี้ยงในบ้านมากกว่า

6. รับมือกับโรคถุงน้ำที่ไต
         แมวประมาณ 36 – 49 % มักจะเป็นโรคถุงน้ำที่ไตซึ่งทำให้มันสูญเสียความสามารถในการกรองสารพิษออก จากร่างกาย โดยจะเริ่มแสดงอาการตั้งแต่ช่วงอายุ 3 – 10 ปี ซึ่งมันจะมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด อาเจียน เซื่องซึม และกระหายน้ำมากจนผิดสังเกต อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีวิธีรักษาโรคดังกล่าวนี้ให้หายขาด เพราะฉะนั้น หากแมวของคุณมีอาการดังกล่าว ควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อปรึกษาหาวิธีดูแล

7. อย่าปล่อยให้แมวของคุณขี้เกียจจนเกินไป
         แมวบางตัว มักมีอุปนิสัยขี้เกียจกว่าแมวทั่วไป และพร้อมจะนอนอยู่เฉย ๆ ได้ทั้งวันโดยไม่รู้จักเบื่อ เราจึงควรหากิจกรรมใหม่ ๆ มาเรียกร้องความสนใจอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้มันใช้ชีวิตเอื่อยเฉื่อยจนตัวอ้วนกลมเกินไป อาจจะหาซื้อของเล่นใหม่ ๆ เช่น ลูกบอล

8. ให้อาหารแต่พอเหมาะ
         ควรให้อาหารในจำนวนที่พอดีเพื่อไม่ให้แมวของคุณทานมากจนเกินไป นอกจากนี้ หากแมวของคุณมีอาการผิดปกติหลังกินอาหาร เช่น ท้องเสีย หรืออาเจียน ก็ควรพาไปพบสัตวแพทย์ เพราะมันอาจมีอาการไม่ถูกกับอาหารบางชนิดก็ได้  ฉะนั้นควรปรึกษาสัตวแพทย์ดูให้ดีว่าแมวของคุณเหมาะกับอาหารแบบไหน

9. รับมือกับปัญหาขนร่วง
         แน่นอนว่าแมวบางพันธู์ที่มีขนยาวเป็นพิเศษนั้น มักมีขนร่วงจำนวนมาก จนยากที่จะคอยดูแลเก็บทิ้งตลอดเวลา บรรดาเจ้าของแมวทั้งหลายจึงเลือกที่จะพยายามทำให้แมวของตนมีขนร่วงลดลงให้ มากที่สุด ด้วยการให้ทานอาหารสำเร็จรูปสูตรที่ทำให้ขนหลุดร่วงลดลงแทน

10. สังเกตปัญหาเรื่องการหายใจ
         เนื่องจากแมวบางพันธู์ จะมีโพรงจมูกที่ค่อนข้างสั้น จึงทำให้มันต้องประสบปัญหาในการหายใจอยู่เสมอ และในกรณีที่เป็นหนักเข้า แมวบางตัวอาจจำเป็นต้องให้สัตวแพทย์ช่วยผ่าตัดแก้ไข เพื่อให้หายใจได้สะดวก ดังนั้นคุณจึงควรสังเกตพฤติกรรมของมันอยู่เสมอ หากแมวของคุณส่งเสียงทางจมูกบ่อย ๆ หรือมีอาการกรนดังผิดปกติ ควรพาไปพบสัตวแพทย์ทันที

11. ทำความสะอาดหูเป็นประจำ
         แน่นอนว่าแมวของคุณไม่สามารถทำความสะอาดหูด้วยตัวเองได้ เจ้าของอย่างคุณจึงจำเป็นต้องเป็นคนคอยจัดการดูแลให้มันอยู่เสมอ ด้วยการใช้กระดาษทิชชู่ หรือผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดให้มัน ทั้งนี้ หูของแมวนั้นเป็นส่วนที่อ่อนไหวมาก คุณจึงควรพยายามทำความสะอาดให้เบามือที่สุด และใช้เวลาให้น้อยที่สุดด้วย

 12. อย่าละเลยเวลาที่มันอ้อน
         แม้บางครั้งคุณจะยุ่งกับชีวิตทำงาน และครอบครัวมากจนแทบไม่มีเวลา ก็ควรแบ่งเวลาไว้ดูแลแมวของคุณด้วย เพราะมันก็ชรู้สึกน้อยใจได้เหมือนกันเวลาที่เจ้าของไม่สนใจ ดังนั้นเวลาที่มันอ้อนด้วยการคลอเคลียเอาใจ ก็ควรหันไปเล่นกับมันบ้าง เพื่อให้เขาไม่รู้สึกว่าคุณไม่ใส่ใจมันเท่าที่ควร จำไว้ว่าไม่ว่าคนหรือสัตว์ก็ต้องการความรัก และการเอาใจใส่ด้วยกันทั้งนั้น

13. ตัดแต่งขนให้ดูดีอยู่เสมอ
         หากต้องการให้แมวของคุณดูสวยโดดเด่นอยู่เสมอ ก็ควรหมั่นพาไปตัดขนที่ร้านเป็นประจำ เพื่อให้ช่างสามารถใช้ลูกเล่น ซอยไล่ระดับขนให้ออกมาดูเป็นประกายสวยงามได้

14. ดูแลฟันให้สะอาด
         ฟันของสัตว์เลี้ยงมักเป็นสิ่งที่เจ้าของละเลยที่จะสนใจอยู่เสมอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การดูแลสุขภาพปากของสัตว์เลี้ยงนั้นเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว เพราะถ้าหากเกิดการติดเชื้อในช่องปากขึ้นแล้ว อาจนำมาซึ่งโรคร้ายสารพัด และทำให้แมวของคุณอายุสั้นลงได้อีกหลายปี เราจึงควรดูแลฟันของแมวที่เรารักให้สะอาดอยู่เสมอ ด้วยการใช้แปรงสีฟันขนาดเล็กแปรงให้มันเป็นประจำ

เพียงแค่ทำตามวิธีดูแลทั้ง 15 ข้อนี้ แมวของคุณก็สามารถอยู่กับคุณได้นานหลายปีโดยมีสุขภาพที่ดีได้แล้ว เพราะฉะนั้น คนรักแมวทั้งหลายอย่าลืมนำเทคนิคการดูแลนี้ไปใช้กับเจ้าเหมียวที่บ้านกันนะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น